***อนึ่ง นี่คืออินเนอร์มอนที่ขอยืมล็อกอินท่านแอดมาตอบเพื่อความสมจริงนะจ๊ะ***
***อะสอง เหตุการณ์ในภารกิจนี้เกิดหลัง Tokyo Sonata & Shanghai Dreams นะเธอว์***
***อะสาม ขี้เกียจเขียนบรรยาย คิดซะว่าเป็นไลท์โนเวลแล้วกันนะเธอว์***
อากาศในรถยนต์ลีมูซีนช่างแสนเย็นฉ่ำ ภาพทุ่งดอกไม้หลากสีสันผ่านหน้าต่างไปอย่างรวดเร็ว ถนนที่เดินทางไปค่อย ๆ ลาดชันขึ้นเรื่อย ๆ แล้วรถหยุดลงตรงหน้าบ้านชั้นเดียวหลังหนึ่ง ตัวบ้านทำจากไม้สีน้ำตาลดูเข้ากับบรรยากาศ
ผมลงมาจากรถคันงาม แล้วกดออดเบา ๆ เสียงหวานใสขานรับพร้อมกับการปรากฏร่างของหญิงสาวผมสีน้ำตาลหยักศกเคลียบ่าผู้หนึ่งออกมาจากประตูบ้าน เธอสวมเสื้อสีชมพูน่ารักเข้ารูป กระโปรงยาวสีน้ำตาลเคลื่อนไหวไปตามจังหวะการเดินของเธอ
ผมยิ้มให้สตรีเบื้องหน้า แล้วเอ่ยวัตถุประสงค์ที่มาในวันนี้ “สวัสดีครับ ผมชื่อบุญมี มาขอพบคุณมอนเตครับ”
“เอ๋? มาหาแอสเหรอคะ” ดวงตาสีครามคู่สวยของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ
แอส? สงสัยเธอคงฟังผิดกระมัง ผมจึงกล่าวย้ำอีกครั้ง “ผมเป็นคนรู้จักของคุณมอนเตน่ะครับ”
“เชิญค่ะ ๆ ” หญิงสาวผายมือเชื้อเชิญให้ผมเข้าไปในบ้าน
เธอเดินนำผมผ่านห้องนั่งเล่นที่ผนังสีวอลนัทประดับด้วยภาพเขียนสีน้ำรูปดอกไม้หลายชนิด เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นในห้องนี้ทำจากไม้เนื้อดีแลดูอบอุ่น ทั้งยังประดับตกแต่งโดยการเพ้นท์ลวดลายดอกไม้สีสันสดใส โซฟาสีนวลน่านั่งหันหน้าเข้าหาโทรทัศน์จอยักษ์ มุมหนึ่งของห้องมีแกรนด์เปียโนสีดำขลับตั้งอยู่ และมีกล่องใส่เครื่องดนตรีอีกหลายชิ้น ดูท่าว่าบ้านนี้จะเป็นศิลปินกันหลายคน
หญิงสาวแหวกม่านลูกไม้สีขาว แล้วเปิดประตูไปสู่ระเบียงบ้าน เธอพาผมไปนั่งที่โต๊ะรับแขกที่ทำจากไม้สีเดียวกับตัวบ้าน ชายผ้าปูโต๊ะสีขาวพริ้วไหวไปตามแรงลม ผมนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ที่บุผ้าสีขาว แล้วมองวิวรอบกาย เมฆสีขาวลอยอย่างร่าเริงอยู่บนผืนฟ้ากว้าง ภูเขาสีครามน้อยใหญ่เรียงตัวสลับกันไปมา ด้านล่างตกแต่งด้วยสีสันสวยงามของมวลดอกไม้ ช่างเป็นผลงานชิ้นเอกที่พระเจ้าสร้างสรรค์ขึ้นมาเสียจริง
“แอสไม่อยู่น่ะค่ะ แต่เดี๋ยวอีกซักพักก็กลับมาแล้ว” หญิงสาวเดินจากห้องครัวพร้อมถือถาดใส่กาน้ำชาและจานคุกกี้ เธอจัดแจงรินชาใส่ถ้วยลายดอกแพนซี่สีม่วง แล้วเลื่อนมาไว้ตรงหน้าผม
“ขอบคุณครับ คุณ...”
“ว้ายตาย ลืมแนะนำตัวเลย” มือเรียวสวยของเธอยกขึ้นมาปิดปาก “ฉันชื่อมาร์เกริต้า เป็นพี่สาวของแอสค่ะ”
“ขอโทษนะครับ คือผมสงสัย แอสนี่คือคุณมอนเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ แอสเป็นชื่อเล่นของมอนเตน่ะค่ะ” คุณมาร์เกริต้าส่งยิ้มละไมมาให้ผม “ต้นตระกูลเราเป็นชาวอิตาลี เลยตั้งชื่อลูกหลานทุกคนเป็นภาษาอิตาลีหมดเลย อย่างฉันมาร์เกริต้า เป็นชื่อภาษาอิตาลีของดอกเดซี่ค่ะ ส่วนแอส...มอนเต แคสสิโน่ เป็นอีกชื่อของดอกแอสเตอร์ เราก็เลยเรียกแอสกันน่ะค่ะ”
อย่างนี้นี่เอง ในที่สุดผมก็ได้คำตอบเรื่องนี้ซะที ผมนึกถึงเครื่องดนตรีหลายชนิดในห้องนั่งเล่น จึงชวนเธอคุยต่อ “เครื่องดนตรีเยอะจังนะครับ”
“อ๋อค่ะ เวลาว่าง ๆ บ้านเราจะเล่นดนตรีกัน” เธอยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร
“ไม่ทราบว่าในกล่องพวกนั้นมีอะไรอยู่เหรอครับ” ผมชี้ไปยังกล่องใส่เครื่องดนตรีสามกล่องที่วางไว้ใกล้ ๆ กัน
“ไวโอลิน เชลโล่ แล้วก็อัลโต้แซกโซโฟนน่ะค่ะ” คุณมาร์เกริต้าตอบ
“ผมขอทายว่าคุณเล่นเปียโนไม่ก็ไวโอลินครับ”
“ฮิฮิ เปล่าค่ะ ฉันเล่นเชลโล่” เธอหัวเราะเสียงใส
“เชลโล่ ! “ ผมตาค้าง “ไม่น่าเชื่อเลยนะครับ”
“มีแต่คนบอกอย่างนั้นค่ะ” เธอยิ้มอีกครั้ง แล้วยกถ้วยชาของตัวเองขึ้นจิบ
ฉับพลันนั้นเสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงห้าวแต่ฟังดูสดใส “เด ! มีไรกินมั่ง”
ร่างของบุรุษในชุดสูทสีกรมท่าปรากฏขึ้นในห้องนั่งเล่น ผมสีน้ำตาลเข้มที่ตัดมาอย่างดีเข้ากับรูปหน้าของเขา ดวงตาสีอำพันดูซุกซนฉายแววสนุกสนานอยู่ในทีจ้องมองมายังผม “อ้าว มีแขกเหรอ”
สิ้นเสียงของชายในชุดสูท ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งก็เดินตามเข้ามาให้ห้อง หยาดเหงื่อบนใบหน้าของเขาถูกซับด้วยผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนบ่า เสื้อยืดและกางเกงขายาวที่เขาสวมใส่อยู่เลอะคราบดิน ดวงตาสีเดียวกับคุณมาร์เกริต้าจ้องมองมายังผมผ่านเลนส์แว่น
“คุณบุญมี คนรู้จักของแอสน่ะ” หญิงสาวตอบ แล้วเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง
“คนรู้จักของแอส ! ” ชายทั้งสองตะโกนขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
ชายในชุดสูทเดินไปหามาหาผม แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “สวัสดีครับ ผม กาโรฟาโน่ พี่ชายของไอ้น้องจอมเฉื่อยเองครับ”
เขายิ้มกว้างพร้อมยื่นมือทักทาย ผมจึงยื่นมือและยิ้มตอบ “ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“ส่วนผม ปาปาเวโร เป็นพี่ของแอสเหมือนกันครับ” ชายหนุ่มตรงหน้าทำท่าเหมือนจะยื่นมือมาให้ผม แต่แล้วก็ชักกลับ ”ขอโทษครับ ผมสกปรกไปหน่อย พอดีเพิ่งกลับจากไร่น่ะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ” ผมกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คุณจะว่าอะไรไหมครับ ถ้าผมอยากรู้ว่าคุณกับแอสรู้จักกันได้ยังไง” คุณกาโรฟาโน่ถามด้วยแววตาเป็นประกาย
“เฮอะ! รักษามารยาทหน่อยสิ นายน่ะ” ชายสวมแว่นกรอกตาอย่างเหนื่อยใจ
“อะไรเล่า นายก็อยากรู้เหมือนกันไม่ใช่หรือไงป๊อบ” คุณกาโรฟาโน่หันไปพูดกับชายสวมแว่น แล้วหันกลับมาทางผม “ว่าไงครับ”
“เดี๋ยวเถอะคาร์ เกรงใจคุณบุญมีเขาบ้างสิ” หญิงสาวเดินออกมาจากครัวพร้อมถาดใส่แก้วชาอีกสองถ้วย
ผมยิ้มให้อย่างไม่ถือสา “ผมเป็นแอดมินของเซคันด์เนเวอร์แลนด์ครับ พอดีคุณมอนเขาเข้าร่วมกิจกรรมกับทางเราน่ะครับ”
“เซคันด์เนเวอร์แลนด์ ! ” สามพี่น้องต่างตะโกนพร้อมกันเป็นเสียงเดียว
“มิน่าล่ะ ช่วงนี้เจ้าแอสถึงหายหน้าหายตาไปบ่อย ๆ” คิ้วเรียวยาวของคุณปาปาเวโร่เริ่มขมวดเข้าหากันเป็นเชิงใช้ความคิด
“มีของแปลก ๆ ติดไม้ติดมือกลับมาตลอดเลยด้วย” นิ้วเรียวยาวของหญิงสาวแตะที่ปลายคาง “วันนั้นก็ได้ไข่อะไรไม่รู้กลับมา เมื่อวานก็ดาบปลอมอีก”
“โธ่เอ๊ย ! ไอ้เราก็หลงนึกว่าไปติดสาวที่ไหนซะอีก เซ็งเลย” ชายในชุดสูทยกมือยันหน้าผากพร้อมพิงเก้าอี้อย่างขัดใจ “แต่สัญชาตญาณฉันไม่น่าผิดนี่นา วันนั้นฉันได้กลิ่นผู้หญิงจากตัวไอ้น้องจริง ๆ นะ”
“พูดจาโรคจิตชะมัด” คุณปาปาเวโร่กล่าวพลางหลี่ตาอย่างรังเกียจ
“ก็มันจริงนี่หว่า” คุณกาโรฟาโน่หันไปยืนยันกับชายสวมแว่น แล้วหันมาถามผมด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “คุณบุญมีครับ กิจกรรมที่ว่ามีผู้หญิงเข้าร่วมด้วยใช่ไหมครับ”
“จะว่ามี...ก็มีแหละครับ” ผมตอบ
“โป๊ะเช๊ะ ! ไอ้น้องต้องติดผู้หญิงในเซคันด์เนเวอร์แลนด์แน่นอน หมอคาร์ฟันธง ! ” คุณกาโรฟาโน่ดีดนิ้วอย่างถูกใจ
ฉับพลันนั้นเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทุกคนหันไปมองทางต้นเสียง ร่างของชายหนุ่มผมยุ่งก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่น
“เฮ้ ไอ้น้อง” ชายในชุดสูทเดินไปกอดคอคุณมอน “ได้ข่าวว่าไปสนุกคนเดียวเหรอ ไม่บอกกันเลยน้า”
“...พูดถึงเรื่องอะไรครับ” เสียงนุ่มเอ่ย
“ก็เซคันด์เนเวอร์แลนด์ไง” ผู้เป็นพี่เฉลยแล้วกล่าวต่อ “วันหลังก็แนะนำสาว ๆ ให้ฉันรู้จักบ้างสิ”
“ว่าแล้วเชียว...ในหัวนายมีอยู่ไม่กี่เรื่องหรอก” คุณปาปาเวโร่กรอกตาอย่างเอือมระอา
“เดี๋ยวเถอะคาร์!!! อายคุณบุญมีเขาบ้างสิ” คุณมาร์เกริต้าดุเบา ๆ “ไปกันได้แล้ว คุณบุญมีเขาจะได้คุยกับแอส”
ดูเหมือนคำพูดของหญิงสาวทำให้คุณมอนเห็นผม ดวงตาสีอำพันเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย “สวัสดีครับท่านเจ้าบ้าน”
“สวัสดีครับคุณมอน” ผมกล่าวทักทายกลับ
คุณมาร์เกริต้ากับคุณปาปาเวโร่พยายามลากชายชุดสูทออกไปจากห้อง “เอ๋ อะไรอะ ฉันอยากฟังด้วยนี่” คุณกาโรฟาโน่มองหน้าทั้งสองสลับกันไปมา
“ไม่ต้องเลย ไปทำข้าวเย็นเดี๋ยวนี้” หญิงสาวหันไปทำหน้าดุใส่
“มารยาทน่ะ รู้จักไหม” ชายสวมแว่นกล่าวเสริม
“โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ เค้าอยากฟังด้วยอ้า” ร่างของทั้งสามคนหายเข้าไปในครัว แต่ยังแว่วเสียงครวญครางของคุณกาโรฟาโน่อยู่
“ไม่ทราบว่าท่านเจ้าบ้านมีธุระอะไรเหรอครับ” คุณมอนถามโดยไม่สนปฏิกิริยาของเหล่าพี่ ๆ
“คุณทำภารกิจครั้งที่หนึ่งไม่ผ่านครั้ง ผมเลยมาดูบ้านคุณถึงที่ไงครับ” ผมตอบ
“...”
“มันก็ยังเหลืออีกส่วน ห้องที่คุณชอบที่สุดน่ะ” ผมกล่าวต่อ
“...ห้องนี้แหละครับ…” เขาตอบ แล้วมองไปรอบห้องนี้ด้วยสายตาที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น
“ท่านบุญมีจะอยู่ทานข้าวเย็นก่อนไหมคะ” คุณมาร์เกริต้าชะโงกหน้าออกมาจากครัว
“...ไม่ล่ะครับ ผมนึกขึ้นได้ว่ามีธุระต่อ” ผมลุกขึ้น แล้วกล่าวลาทุกคน คุณมาร์เกริต้าผู้แสนใจดีให้คุกกี้กาแฟผมมาถุงใหญ่
ผมเข้าไปในรถ แล้วบอกคนขับรถให้ออกรถ ทิ้งบ้านไม้และทุ่งดอกไม้สวย ๆ ไว้เบื้องหลัง ครอบครัวคุณมอนดูเฮฮาสนุกสนานดี “ครอบครัวแสนสุข” คงเป็นนิยามของครอบครัวนี้ล่ะมั้ง
อินเนอร์ขอกล่าว :
ไมมันย่อหน้าไม่ได้ฟระ อ่านงี้ไปแล้วกันนะ
ไม่กล้าเล่นไรกะท่านแอดมาก เดี๋ยวคาแรกเตอร์จะเพี้ยน เลยออกมาแบบนี้จ้า
อ้อ ท่านแอดเคยถามอินเนอร์มอนเมื่อชาติที่แล้วถึงเหตุผลในการตั้งชื่อมอน
อินเนอร์มอนเลยขอชี้แจ้งแถลงไขนะที่นี้
คือตอนแรกอินเนอร์มอนอยากตั้งชื่อเป็นดอกไม้ แล้วเห็นอี “มอนเต แคสสิโน่” มันดูเป็นชื่อผู้ชายและดูไม่เหมือนดอกไม้ดีเลยเอาชื่อนี้
แต่พอเสิร์ชไปเสิร์ชมาอินเนอร์เพิ่งรู้ว่าอี “มอนเต แคสสิโน่” มันเป็นภาษาอิตาลีสุดร๊ากกกกกกกกกกกกก
พี่ ๆ ของบักมอนเลยต้องตั้งเป็นภาษานี้ด้วย
ครอบครัวนี้จึงชื่อออกมาเป็นแบบนี้แล
ว่าแต่...เมื่อไหร่ตรูจะหลุดจากประเทศด๋อยนี่ซะทีฟระ!!!!!!!
ป.ล. รูปแม่งใหญ่มาก 555 ขี้เกียจย่อแล้วอะ ดูแบบนี้ไปแล้วกันนะ